Sunday, January 20, 2013

คำว่า "ดูทีวี" จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

คนข่าวที่มองไปอนาคตต้องเตรียมเห็นความเปลี่ยนแปลงการนำเสนอเนื้อหาผ่านจอทีวี...โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยกำลังจะมี 3G เต็มรูปแบบในเร็ววัน เพราะการนำเสนอเรื่องราวถึงผู้เสพสื่อนั้นจะมีถึง 4 จอ...จอทีวี, จอคอมพิวเตอร์, จอแท็ปเบล็กและจอมือถือ พยากรณ์ได้ไม่ยากว่าจอเล็ก ๆ ของสมาร์ทโฟนจะมีความคล่องตัวและสะดวกสบายมากกว่าจออื่น ๆ ที่ผู้คนใช้ดูข่าว, สารคดี, ข่าวฉับพลันและบทวิเคราะห์ทั้งหลายทั้งปวง Netflix ของสหรัฐฯมั่นใจในความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมคนเสพข่าวสารและเนื้อหาทางจอถึงขั้นประกาศว่าจะเปลี่ยนสิ่งที่เรียกว่า "TV" ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือตลอดไปกันเลยทีเดียว ผู้บริหาร Netflix บอกว่าในอนาคตอันใกล้นี้เรื่องการวัดเรตติ้งส์, ผังรายการ, และการรีรันรายการทีวีจะกลายเป็นเรื่องอดีตที่เชยแสนเชยไปเลย ที่เขากล้าประกาศอย่างอหังการเช่นนี้เพราะ Netflix สามารถน้าวโน้มให้ Disney, Marvel และ Pixar ซึ่งล้วนเป็นบริษัทสร้างหนังยักษ์ ๆ ของฮอลลีวู๊ดยอมเอาหนังใหม่ ๆ มาลงที่เขาแทนที่จะไปให้กับเครือข่ายฟรีทีวีเช่น NBC, CBS หรือ NBC อย่างที่เคยทำมาแล้วหลายสิบปี หัวหน้าฝ่ายเนื้อหาของ Netflix ชื่อ Ted Sorandos อธิบายว่าเขาไม่ได้เพียงแต่ต้องการจะแย่งชิงหนังใหญ่จาก HBO หรือ Starz เท่านั้นแต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะ "เปลี่ยนสิ่งที่เรียกว่า TV อย่างหน้ามือเป็นหลังมือกันทีเดียว" เขาบอกว่าห้าปีจากนี้ไป ทีวีจะไม่เหมือนที่เรารู้จักวันนี้เลยแม้แต่น้อย ที่ว่า ratings จะไม่มีความหมายเลยนั้น เพราะเขาเตรียมจะเอาหนังดี ๆ ฉายผ่าน Netflix ให้กับสมาชิกจ่ายสตางค์โดยจะไม่บอกตัวเลขว่ามีคนดูกี่คน "เพราะเราไม่จำเป็นต้องมีตัวเลขสวย ๆ มาก ๆ เพื่อดูดโฆษณามาอยู่กับเรา" แปลว่าไม่ว่าจะเป็นหนังดีที่ผู้คนแห่แหนมาสมัครเป็นสมาชิกท่วมท้นเพียงใด, เขาก็ไม่จำเป็นต้องออกข่าวเพื่อสร้างภาพที่ดีแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เขาก็จะไม่กำหนดผังรายการตายตัวที่คนดูจะต้องเปิดมาดู ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง เหตุเพราะวิถีชีวิตของคนปัจจุบันไม่เอื้อที่จะให้คนมานั่งหน้าจอทีวีตามกำหนดของผังรายการ Netflix ใช้สูตร on-demand สำหรับสมาชิกซึ่งแปลว่าใครที่เป็นสมาชิกจะเปิดดูรายการไหนเมื่อไหร่ก็ได้ หาก Netflix ประสบความสำเร็จกับกลยุทธเช่นนี้ ผลที่ตามมาก็คือว่าฟรีทีวีทุกช่องจะต้องคิดหนักว่าจะปรับแนวทางของตัวเองอย่างไรจึงจะแย่งคนดูกับทีวี "ตามสะดวกผู้ดู" ได้ อีกด้านหนึ่งของยุทธศาสตร์ของ Netflix คือการ "ปล่อยของ" ทั้งหมดทีเดียว ซึ่งหมายความว่าแทนที่จะฉายหนังหรือละครเป็นตอน ๆ เหมือนฟรีทีวีทุกวันนี้ เขาจะให้คนดูสามารถดูเรื่องเดียวได้ตลอด ไม่มีการ "กั๊ก" เรื่องเอาไว้ให้ลุ้นตอนต่อไป ผู้บริหารทีวีรุ่นเก่าอ้างว่าการทำอย่างนั้นจะทำให้ลดความตื่นเต้นของการเล่าปากต่อปากและโอกาสทำการตลาด แต่ Netflix แย้งว่าทุกวันนี้คนดูก็สามารถดูรายการทั้งหมดทีเดียวผ่าน DVRs อยู่แล้ว "คนดูจะมีความพึงพใจสูงกว่าถ้าได้อะไรทั้งหมดตามจังหวะเวลาที่ตนต้องการ" หนึ่งในผู้บริหารรุ่นใหม่บอก Netflix เป็นบริษัทเสนอเนื้อหาทีวีให้คนดูรู้สึกเป็นตัวของตัวเองและกำหนดเวลากับสาระที่ตนชอบได้โดยไม่ต้องอาศัยฟรีทีวี ที่ผ่านมา บริษัทนี้เน้นไปในการหาสมาชิกครัวเรือ แต่ก้าวต่อไปคือการสร้างความแตกต่างเพิ่มขึ้นอีก และหนึ่งในแผนงานข้างหน้าคือการเกิดช่อง Just for Kids สำหรับเด็ก ที่แยกเนื้อหาออกจากสาระหลักอื่น ๆ เพื่อสร้างความเป็นตัวตนที่โดดเด่นยิ่งขึ้น จากนี้ Netflix ก็จะพัฒนาให้เกิดเอกลักษณ์พิเศษของตัวเองต่อไป นั่นคือการให้มีเสียงและภาพที่คนดูสามารถถ่ายทอดและรับรู้เองที่เรียกว่า Voice Recognition และ Visual Recognition ไม่แน่ เทคโนโลยีสมัยใหม่อาจะมีความเก่งกาจถึงขั้นที่พอใครเดินเข้ามาในห้อง รายกายดี ๆ ที่คนนั้นชอบก็โผล่ขึ้นจอทันที!

No comments: