Tuesday, January 3, 2012

เมื่อเจ้าพ่อสื่ออย่าง Rupert Murdoch กระโดดลงมาเล่น Twitter เอง


และแล้วเจ้าพ่อสื่ออย่าง Rupert Murdoch เจ้าของ News Corp ก็ทนความเย้ายวนของโลก social media ไม่ได้ เริ่มเข้าไปเล่นทวิตเตอร์เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ 2012 อย่างคึกคัก และมีผู้เข้าไปติดตามเกือบจะทันทีหลายหมื่นคน ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้เขามี follwers กว่า 66,000 คนแล้ว

เมอร์ดอกเคยเป็นเจ้าของสื่อเก่าอย่างหนังสือพิมพ์ และเคยประกาศยืนหยัดอยู่กับกระดาษมาหลายปี จนวันดีคืนดีก็ยอมรับว่า "พรุ่งนี้ของข่าว" นั้นจะต้องเข้าสู่โลกดิจิตัล ยิ่งเมื่อเข้าไปเป็นเจ้าของ Dow Jones ที่มี Wall Street Journal เป็นธงแล้ว ก็ยิ่งสำเหนียกในความสำคัญของการสร้างเสื้อหาเพื่อให้ครบวงจรของสื่อ

Wall Street Journal แม้ก่อนเมอร์ดอกเข้าไปเป็นผู้กำหนดนโยบายก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้านนี้ด้วยการมีรายได้จากผู้อ่านทางดิจิตัลไม่แพ้ที่อ่านหนังสือพิมพ์แล้ว

เมอร์ดอกกระโดดเข้าสู่การทำสื่อแบบดิจิตัลอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นชัดว่ารายได้จากสื่อสิ่งพิมพ์ที่เขาเป็นเจ้าของมากมายทั่วโลกนั้นเริ่มจะหดตัวลง และเขาก็ประกาศจะแจ้งว่าอนาคตของสื่ออยู่ที่ดิจิตัล

ปีนี้อายุ 80 แล้ว, เมอร์ดอกเจอวิกฤตรอบใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้เมื่อรัฐสภาอังกฤษตั้งคณะกรรมการพิเศษสอบสวนข้อกล่าวหาว่าหนังสือพิมพ์ News of the World ของเขาแอบดักฟังแหล่งข่าวอย่างผิดกฎหมาย จนเขาและลูกชาย James Murdoch ซึ่งเป็นคนดูแลหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นต้องสั่งปิดหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงท่ามกลางเสียงประณามอย่างรุนแรงจากสังคมทั่วโลก

การปรากฏตัวของเจ้าพ่อสื่อเก่าใน Twitter เป็นครั้งแรกตอกย้ำว่าคนที่อยู่กับความเป็นไปทางธุรกิจของสื่ออย่างใกล้ชิดวันต่อวันอย่างเมอร์ดอกได้ประจักษ์สัจธรรมแล้วว่าเขามิอาจจะมองข้ามความสำคัญของ social media ในการวางแผนวางอนาคตสำหรับสื่อได้อีกต่อไป

และเพียงแค่ "ตระหนัก" ในความสำคัญของเครือข่ายสังคมอย่าง Facebook, Twitter และ YouTube ยังไม่พอ เขาจะต้องลงไป "คลุกวงใน" ด้วยอย่างใกล้ชิดเพื่อจะได้สัมผัสถึงอารมณ์และพลังขับเคลื่อนทุกจังหวะ

แม้เมอร์ดอกจะผิดพลาดในการตัดสินใจซื้อ MySpace ซึ่งมาก่อน Facebook เพราะไม่อาจจะแข่งขันกับการพัฒนารูปแบบและบริการให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมแห่งสังคมได้ แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่อาจจะนิ่งดูดายให้คู่แข่งวิ่งล้ำหน้าไปในลู่ของดิจิตัลได้

เมื่อ iPad ออกวางตลาด, เมอร์ดอกก็กระโดดเข้าไปเล่นด้วยอย่างรวดเร็ว ด้วยการเปิดตัว The Daily ในแทบเบล็ทแห่งนี้เป็นเจ้าแรก ๆ ด้วยคำแนะนำของ Steve Jobs

แม้ apps The Daily จะไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่เมอร์ดอกคาดหวัง แต่เขาก็ถือว่านั่นเป็นการลงทุนเพื่อเรียนรู้การก่อเกิดของพลังแห่งโลกดิจิตัลในรูปแบบใหม่ที่ไม่อาจจะมองข้ามได้เป็นอันขาด

เมอร์ดอกเข้ามาเล่นทวิตเตอร์วันแรก ๆ ก็ยังเขินอายพอสมควร หนึ่งในข้อความที่เขาเขียนบอกว่า "I'm getting killed for fooling around here and friends frightened what I may really say."

คล้าย ๆ กับจะบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าเขาจะเล่นบทอะไรในโลก social media ("ผมมาป้วนเปี้ยนแถวนี้จะถูกฆ่าหรือเปล่า...เพื่อน ๆ ก็ตกอกตกใจกันว่าผมจะหลุดอะไรออกมาบ้าง..."

รองนายกฯอังกฤษ John Prescott ก็ทวีตมาทักทายทันที "ขอต้อนรับเข้าสู่ทวิตเตอร์ ผมทิ้งข้อความสวัสดีปีใหม่ใน voicemailของผมแล้ว..."

อ่านปุ๊ปก็รู้ว่าท่านรองฯแซวเจ้าพ่อสื่อเรื่องที่หนังสือพิมพ์ของเขาถูกสอบสวนเรื่องแอบเจาะฟังโทรศัพท์ของแหล่งข่าวจนเป็นเรื่องอื้อฉาวเกรียวกราวถึงวันนี้

แต่เมอร์ดอกก็ไม่หวั่นไหวในโลกทวิตเตอร์ อีกข้อความหนึ่งที่เขาส่งออกไปคือการวิพากษ์ว่าธนาคารของอังกฤษมีวันหยุดมากไปหรือเปล่าทั้งที่ประเทศกำลังทำท่าจะเจ๊ง

"Maybe Brits have too many holidays for (a) broke country!"

แม้เขาจะลบข้อความนั้นออกหลังจากคิดใหม่แล้ว แต่ก็ช้าไปสำหรับคนเล่นทวิตเตอร์หลายร้อยคนที่ส่งความเห็นมาสมทบกันอย่างคึกคัก บางคนตั้งข้อสังเกตว่าตัวเมอร์ดอกเองก็ทวีตจากเกาะ Saint Barthelemy แถวหมู่เกาะคารีเบียนมิใช่หรือ?

และนักทวีตบางคนก็เริ่มให้ใช้ #murdochdeletedtweets กันอย่างสนุกสนาน

อีกบางทวีตของเขาวิจารณ์หนังสือ Steve Jobs by Walter Isaacson ว่า "Interesting but unfair" (น่าสนใจแต่ไม่แฟร์เท่าไหร่)

น่าติดตามต่อไปว่าเมอร์ดอกจะอยู่ในโลก social media ได้นานเท่าไหร่ เพราะที่ปรึกษาของเขาเริ่มเป็นห่วงว่าเขาจะสามารถรักษากติกามารยาทของการเป็นนักทวีตที่ดีคือรับฟัง, ปฏิสัมพันธ์และถ่อมเนื้อถ่อมตนพอสมควรในโลกแห่งเครือข่ายสังคมได้มากน้อยเพียงใด

แต่อย่างน้อยเมอร์ดอกก็ยอมรับแล้วว่าเขามิอาจนั่งชี้นิ้วสั่งการจากโต๊ะทำงานได้อีกต่อไป จะต้องลงมือเกลือกกลั้วหรือ engage กับผู้อ่านผู้ชมผู้ฟังและ "ปัญญาแห่งฝูงชน" หรือ wisdom of the crowd อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป

No comments: