Saturday, January 7, 2012

ปัจจัยอะไรกำหนดว่าคุณมี "อนาคต" กับข่าวหรือไม่


ผมเห็นแนวทางวิเคราะห์ "อนาคตของข่าว" ของ Ross Dawson จาก News Limited ของออสเตรเลียแล้วน่าสนใจสำหรับการวิเคราะห์ต่อเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาว่าอนาคตของคนทำสื่อยุคดิจิตัลควรจะมองอย่างไร

เพราะโลกทำข่าวยุคใหม่มีทั้งการผลิตตัวหนังสือ, ภาพ, วีดีโอ, ข้อมูล, กราฟิคและการนำเสนอรูปแบบอื่น ๆ ที่จะได้รับการพัฒนาต่อไปในวันข้างหน้า, จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจว่า "ช่องทาง" ของการนำเสนอต่อสาธารณชนนั้นจะขยับขยายออกไปอย่างไรขัดจำกัดอย่างไร

ข้อแรกย่อมหมายถึง Interfaces ที่จะเป็นประตูทางผ่านสำหรับการนำเสนอให้น่าสนใจ, เรียบง่าย, และสื่อสารอย่างราบรื่น
ต่อมาคือความทันท่วงทีหรือ timeliness ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องรวดเร็วทันใจและฉับพลัน วินาทีต่อวินาที
แต่เท่านั้นไม่พอ ความเร็วจะต้องมากับความสดใหม่หรือ novelty ซึ่งแปลว่านอกจากเร็วแล้วยังจะต้องลึกและเจาะหาความหมายของข่าวที่ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลและรวมรวบมุมมองจากประชาชนในแวดวงเครือข่ายสังคมด้วย

Insight หมายถึงการเสนอเบื้องหลังที่มีนอกเหนือไปจากการตอบคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น, ที่ไหน, เมื่อไหร่และเกิดกับใคร หากแต่จะต้องสามารถบอกให้รู้เบื้องลึกของเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วย

Design คือรูปแบบการนำเสนอที่มีชีวิตชีวาและสวยงามน่าดูน่าชม

ที่สำคัญกว่านั้นคือ Reputation หรือชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของคนข่าวและสื่อที่ใช้นำเสนอ

แต่การจะสร้างความน่าไว้วางใจได้นั้นคนข่าวต้องไม่เพียงแค่รายงานข่าวเท่านั้น หากแต่ยังต้อง Filter ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันหมายถึงการกรั่นกรอง แยกแยะ และรวบรวม ตัดต่อให้เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคข่าวสารอย่างมีนัยสำคัญด้วย

อีกประเด็นที่มองข้ามไม่ได้คือ Relevance สำหรับผู้เสพข่าว เพราะเขาจะต้องถามเสมอว่า "มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?" และคนข่าวจะต้องตอบคำถามนี้ในทุกจังหวะของการทำหน้าที่อันสำคัญยิ่งอีกด้วย

จากนั้นชุมชนของข่าวสารข้อมูลคือหัวใจของการขยายผลแห่งการกระจายเนื้อหา หรือ Communities of News Consumers ซึ่งจะเป็นปัจจัยตัดสินว่าการทำหน้าที่ของคนข่าวยุคใหม่จะได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนในสังคมมากน้อยเพียงใด

ลงท้าย ความสำเร็จหรือล้มเหลวของคนข่าวยุคใหม่ย่อมอยู่ที่ว่าจะสามารถใช้ความเร็ว, ความใหม่, ความลึก, ความน่าเชื่อถือที่จะสร้าง "ชุมนุมแห่งข่าวสาร" ของตนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนได้มากน้อยเพียงใด

เพราะนั่นคือตัวตัดสินว่าจะเจ๊งหรือเจ๊าของคนข่าวจริง ๆ

No comments: